วันพุธที่ 8 มกราคม 2025
ข่าวเด่นอีสานวันนี้

ชาวขอนแก่นไม่ปลื้ม ไม่ร่วมกลุ่มนาแปลงใหญ่ แห่ลาออกต่อเนื่อง หลังพบประธานฯพร้อมเลขาฯปลอมลายมือเบิกเงิน 3 ล้านบาทโดยมิชอบ ขณะทีผู้ว่าฯสั่งตรวจสอบด่วน

แชร์ข่าวนี้

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 1 ก.ย. 2564 นายรังสรรค์ วิลินไพร อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 บ.หนองแสง ม.3 ต.บ้านผือ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยกรรมการและชาวบ้านที่เป็นสมาชิกกลุ่มนาแปลงใหญ่ประเภทข้าว หนองแสง ม.3 ต.บ้านผือ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น นำเอกสารในเรื่องขอความเห็นชอบจัดซื้อ โรงเก็บอุปกรณ์การเกษตร ,สำเนาเอกสารการเขียนใบเบิกเงินจากธนาคาร ธกส. ,สำเนาการอนุมัติการเบิกจ่ายเงินในการจัดซื้อจัดจ้างการก่อสร้าง และสำเนาใบเสร็จ ใบส่งของจากร้านค้าใน เขต อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ รวมไปถึงสำเนาใบเสร็จรับเงิน จำนวน 650,000 บาท ระบุเป็นค่าก่อสร้างโรงเก็บอุปกรณ์ และการซื้อพร้อมติดตั้งเครื่องสีข้าว จำนวน 350,000บาท ,สำเนาการเบิกเงินโครงการยกระดับเกษตรนาแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาดจำนวน 1,988,500 บาท เพื่อจัดซื้อรถแทรคเตอร์ ขนาด 50 แรงม้า จำนวน 1 คัน ราคา 628,000บาท ,รถเกี่ยวข้าว ขนาด 70 แรงม้า จำนวน 1 คัน ราคา 1,110,000 บาท, ใบมีดดันหน้า จำนวน 1 ชิ้น ราคา59,500 บาท, ผานพรวน จำนวน1 ชิ้น ราคา46,500 บาท, จอบหมุน จำนวน 1 ชิ้น ราคา 64,500 บาท, เทเลอร์ลากจูง จำนวน 1 คัน ราคา 80,000บาท นำมายื่นต่อ นายมงคล จันทร์ประทัด ผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวขอนแก่นพร้อมกับแจ้งว่า กรรมการและสมาชิกรวม 25 คน ขอลาออกจากการเป็นกรรมการและสมาชิกกลุ่มนาแปลงใหญ่(ข้าว) บ้านหนองแสง ม.3 ต.บ้านผือ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น

นายรังสรรค์ วิลินไพร กล่าวว่า ภายหลังจากผู้นำชุมชนได้แจ้งการเสนอตัวเข้าร่วมกลุ่มนาแปลงใหญ่ ประเภทข้าว ซึ่งตามกฎระเบียบต้องมีสมาชิกเข้าร่วมโครงการจำนวน 30 คน ก็มีชาวบ้านเข้าร่วมโครงการจนครบ และมีการตั้งกลุ่มขึ้นมาได้สำเร็จ ซึ่งหากดูจากการร่วมโครงการและตั้งโครงการขึ้นมานั้น เป็นโครงการที่ดี เพราะรัฐบาลต้องการช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรทำนาในช่วงที่โควิดระบาด แต่กลุ่มฯของหมู่บ้านเรานั้น จะทำการใดก็ไม่เคยบอกกล่าว หรือถามความเห็นชอบจากกรรมการและสมาชิกแต่อย่างใด มีการจัดการและดำเนินการเองเพียงผู้ใหญ่บ้านในฐานะประธานโครงการฯ และเลขาโครงการฯดำเนินการเองเท่านั้น เช่นการตั้งกรรมการฝ่ายต่างๆ ก็ไม่มีใครทราบเรื่อง ทั้งการตั้ง กรรมการฝ่ายบริหาร 5 คน ฝ่ายการเงิน 5 คน ฝ่ายบัญชี 3 คน ฝ่ายตรวจสอบวัสดุ 5 คน ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้าง 5 คน และฝ่ายดูแลเครื่องจักรกลอีก 5 คน ซึ่งแต่ละคนที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมานั้น ไม่มีใครทราบเรื่องมาก่อน

” โครงการนี้ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2561 มีการดำเนินการตามมติของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งล่าสุดในปี 2564 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้อนุมัติเงินอุดหนุนมาให้หมู่บ้านที่เป็นกลุ่มนาแปลงใหญ่ ประเภทข้าว หมู่บ้านละ 3,000,000 บาท โดยประธานฯและเลขาฯ ร่วมกันปลอมแปลงลายมือของกรรมการเพื่อเบิกเงิน และจัดซื้อ รวมเป็นเงิน 3,000,000 บาท ซึ่งเห็นเพียงโรงเก็บอุปกรณ์และเครื่องสีข้าว ส่วนรายการอื่นๆยังไม่เห็น ทำให้วันนี้กรรมการและสมาชิกทั้ง 25 คน จึงขอลาออกเพราะเห็นว่าการกระทำทั้งหมดของนายทัศนัย ดีเรือง ประธานโครงการฯและนางวัฒยากร วงษ์เชียงยืน เลขาโครงการฯ เป็นการดำเนินการที่ไม่โปร่งใส เพราะไม่เคยแจ้ง ไม่เคยหารือ แต่มีลายมือชื่อเห็นชอบในการเบิกเงินและการจัดซื้อ การรับสินค้า จำเป็นต้องขอลาออก เพราะเกรงว่า หากสินค้าที่ซื้อไปถูกโกง หรือสึกหรอ ไม่สมบูรณ์แบบ จะมีส่วนรับผิด และอาจจะต้องรับผิดชอบหาเงินใช้หนี้คืนให้รัฐบาล”

นายรังสรรค์ กล่าวต่ออีกว่า ก่อนที่จะเดินทางมายื่นหนังสือลาออกต่อผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวขอนแก่นนั้น เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา กรรมการและสมาชิกได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.หนองเรือว่า กรรมการและสมาชิกมีความสงสัยในการดำเนินการของประธานฯและเลขาโครงการฯกรณีเบิกเงินจำนวน 3,000,000บาท นำไปซื้อเครื่องสีข้าว รถเกี่ยวข้าว รถลาก รถเกี่ยว และรถไถ มาใช้ในโครงการ ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้เรียกประธานโครงการฯและเลขาโครงการฯมาตกลงเจรจากัน จนได้มีการสรุปข้อตกลง 3 ข้อ คือ สมาชิกกลุ่มขอลาออกจากการเป็นสมาชิกและไม่ขอร่วมรับผิดชอบในเงินที่เบิกจ่ายตามที่นายทัศนัย ดีเรือง ประธานโครงการฯ และนางวัฒยากร วงษ์เชียงยืน เลขาโครงการฯ ดำเนินการตามพลการ ข้อที่ 2 ประธานโครงการฯและผู้ใหญ่บ้าน ยินยอมให้สมาชิกลาออก และข้อที่ 3ประธานโครงการฯ และเลขาโครงการฯจะเป็นผู้รับผิดชอบเงินที่เบิกออกทั้งหมด

ขณะที่นายมงคล จันทร์ประทัด ผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวขอนแก่น กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเงินงบประมาณ ที่รัฐบาลจัดการ อุดหนุนมาให้ประชาชนเกษตรกรชาวนา เพราะต้องการยกระดับความเป็นอยู่ สร้างรายได้ลดรายจ่ายให้ประชาชน โครงการดีแต่การบริหารจัดการไม่ดี คาดว่าไม่มีการพูดคุยหารือกัน จนเกิดปัญหา อีกทั้งการเขียนชื่อลงลายมือชื่อแทนกรรมการในการเบิกเงินหรือการจัดซื้อเครื่องสีข้าว รถเกี่ยวข้าว รถลาก รถเกี่ยว และรถไถต่างๆนั้น เป็นความผิดที่ชัดเจน จึงจะต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริง ในส่วนของการลาออกของกรรมการและสมาชิกจำนวน 25 คนนั้น ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวขอนแก่น ไม่มีอำนาจอนุมัติ เพราะจะต้องทำเรื่องรายงานไปกรรมการระดับจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานให้รับทราบ

ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านหนองแสง ม.3 ต.บ้านผือ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น 1 เพื่อพบกับนายทัศนัย ดีเรือง อายุ 59 ปี ประธานโครงการและผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองแสง ม.3 แต่ไม่อยู่บ้าน จึงเดินทางไปพบกับ นางวัฒยากร วงษ์เชียงยืน อายุ 49 ปี เลขาโครงการ จากนั้นนางวัฒยากร ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูจุดที่ก่อสร้างโรงเก็บอุปกรณ์ และจุดที่ตั้งเครื่องสีข้าว ซึ่งอยู่ห่างจากตัวหมู่บ้านประมาณ 1 กม.

นางวัฒยากร กล่าวว่า ขอยืนยันว่า การบริหารจัดการในโครงการนั้น ดำเนินการมาอย่างถูกต้อง เพราะไม่ได้เอาเงินมาใช้ส่วนตัว เบิกมาก็จ่ายไปตามการจัดจ้างในทุกกรณี ในส่วนของลายเซ็นต์หรือการเขียนชื่อแทนกรรมการในเอกสารการเบิกเงินและการอนุมัติต่างๆนั้น ยอมรับว่าเป็นคนทำเอง เพราะเป็นการยื่นเอกสารที่เร่วด่วนให้ทันกับการอนุมัติเงินให้โครงการ เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องก็แนะนำว่า เขียนไปเลย ใครๆก็ทำทั้งนั้น อีกทั้งหากจะเดินทางจากในเมืองขอนแก่นกลับมาที่บ้าน เพื่อเชิญกรรมการไปเซ็นชื่อให้ก็กลัวไม่ทัน จึงเขียนเองให้ครบถ้วนสมบูรณ์ จนนำไปสู่การก่อสร้างโรงเก็บอุปกรณ์ และเครื่องสีข้าว และการจัดซื้อเครื่องสีข้าว รถเกี่ยวข้าว รถลาก รถเกี่ยวข้าว รถไถ ซึ่งบทั้งหมดบริษัทผู้รับเหมาจะจัดส่งให้ทั้งหมดในวันที่10 กันยายนนี้ ซึ่งในการจัดซื้อนั้นได้รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่สมาชิกและกรรมการไม่เห็นชอบและต้องการลาออก ก็ไม่ขัดขวาง แต่ต้องทราบไว้ด้วยว่า เมื่อลาออกแล้ว ลงลายมือชื่อไว้แล้ว จะมายุ่งเกี่ยวในโครงการไม่ได้อีก

ด้านนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ได้รับรายงานด้วยวาจา จากนายมงคล จันทร์ประทัด ผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวขอนแก่น เรียบร้อยแล้ว ว่ากำลังตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริงทั้งหมด เมื่อทราบข้อเท็จจริงแล้วจะสรุปรายงานมาให้ทราบโดยด่วน แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าถ้าทุกฝ่ายหันหน้ามาพูดคุยกัน ก็จะแก้ไขปัญหาได้ ส่วนการเบิกจ่ายเงิน โดยที่ยังไม่ได้สิ่งของนั้นก็จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนด้วย

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " ชาวขอนแก่นไม่ปลื้ม ไม่ร่วมกลุ่มนาแปลงใหญ่ แห่ลาออกต่อเนื่อง หลังพบประธานฯพร้อมเลขาฯปลอมลายมือเบิกเงิน 3 ล้านบาทโดยมิชอบ ขณะทีผู้ว่าฯสั่งตรวจสอบด่วน "

ข่าวเด่นอีสานวันนี้ ล่าสุด

อัพเดทล่าสุด