สึกแล้ว พระอมไอติมเด็กหนุ่ม หลังโซเชียลจวกนับพฤติกรรม

จากกรณีโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆทั่วทั้งจว.ขอนแก่น ได้มีการเผยแพร่ภาพพระสุริยา ตันติปาโร อายุ 44 ปี ก่อเหตุอมนำเขาคู่ขา ในวัดสว่างเวหา ต.บ้านลาน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น โดยขณะนี้ได้ออกจากวัดและไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์ในพื้นที่ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 16 ส.ค. 2564 ที่ศาลาการเปรียญวัดสว่างเวหา บ้านกุดเชือก ม.11 ต.บ้านลาน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น นายสำราญ รัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พระครูเวฬุพัฒนาทร เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่ และผู้นำชุมชน ร่วมกันนำ พระสุริยา ตันติปาโร อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพระที่ปรากฏภาพในโซเชียลมีเดีน เดินทางมาที่วัดมัชฌิมวิทยาราม เพื่อทำการสึก เนื่องจากมีความผิดวินัยสงฆ์ต้องสึกจากพระ

โดยทันทีที่เดินทางถึงวัดมัชฌิมวิทยาราม บ้านลาน คณะฯได้นำพระสุริยา เข้าพบพระครูโชติธรรมสาร พระอุปัชชาที่ศาลาการเปรียญทันที เพื่อทำพิธีลาสิกขา หรือ ลาสึกจากพระ ซึ่งเมื่อพระอุปัชชาประกอบพิธีลาสิกขาให้เรียบร้อยแล้วพระสุริยา ได้เปลี่ยนชุดจากการห่มจีวรเป็นชุดสีขาวธรรมดา จากนั้นก็เดินออกจากศาลาการเปรียญทันที

นายสุริยา สอนบาล กล่าวว่า โล่งใจ ที่ได้ทำตามความต้องการของชาวบ้านและพระผู้ใหญ่ หลังจากนี้ก็จะกลับไปอยู่บ้าน และช่วยงานในวัดเท่าที่จะทำได้ ส่วนจะกลับมาบวชอีกครั้งหรือไม่นั้น ยังให้คำตอบไม่ได้ คงต้องพักรักษาตัวจากอาการป่วยจิตเวชไปก่อน

ขณะที่พระครูโชติธรรมสาร พระอุปัชชา กล่าวว่า การบวชพระต้องเคร่งครัดในศีลในธรรม หากบวชแล้วปฏิบัติไม่ได้ก็ควรสึกออกไป ในส่วนของนายสุริยา ได้บวชเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี และเคยดำรงตำแหน่งพระธรรมฑูตหลายปี เดินทางไปเผยแผ่พระศาสนาในหลายประเทศ ซึ่งไม่คิดว่าจะมาพบกับปัญหาเช่นนี้ ดังนั้นการลาสิกขา หรือ ลาสึกจากพระ ถือเป็นการรับผิดชอบต่อพระสงฆ์และพระพุทธศาสนาที่ดี และอย่าได้ประพฤติอีก

ด้าน นายสำราญ รัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เหตุการณณ์ที่เกิดขึ้น หลังปรากฎได้มีการรายงานให้ผู้ปกครองพระสงฆ์ทราบ รวมทั้งรายการ ผวจ.ขอนแก่น และสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทราบตามขั้นตอน พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบ ซึ่งพบว่าเป็นพระในพื้นที่อ.บ้านไผ่ จริง จึงได้ประสานกับเจ้าคณะอำเภอ เพื่อเข้าตรวจสอบตามขั้นตอน ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบตัวตนพระที่ปรากฏตามคลิป ซึ่งพระก็ยอมรับว่ามีการกระทำดังกล่าวจริง จึงได้แจ้งให้ผู้นำชุมชนทราบเรื่องรวมถึงเจ้าอาวาสวัสว่างเวหาและพระสุริยา ทราบถึงขั้นตอนการปฏิบัติตามขั้นตอนของสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดขอนแก่น ที่จะต้องนำตัวไปให้พระอุปัชชา ทำการสึกให้ ซึ่งพระก็ยินยอมมาทำการสึก ซึ่งก็ถือว่าเสร็จสิ้นและจบลงด้วยดี เพราะพระไม่ขัดขืน